ในวงการสติกเกอร์ เราเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักสติกเกอร์ PVC กันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสติกเกอร์ใส PVC, สติกเกอร์ PVC สีขาว ก็ได้รับความนิยมกันอย่างต่อเนื่อง แล้วทำไมสติกเกอร์ PVC ถึงได้รับความนิยมอย่างมากในท้องตลาดล่ะ?! วันนี้เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกสติกเกอร์ PVC กัน ว่ามีดีอย่างไร ทำไมหลาย ๆ คนถึงเลือกใช้สติกเกอร์ชนิดนี้
สติกเกอร์ PVC (Polyvinyl Chloride Sticker) คือสติกเกอร์ที่ผลิตจากฟิล์มพลาสติกพอลิไวนิลคลอไรด์ มีความทนทานมากกว่าสติกเกอร์ทั่วไป ทนความชื้น กันน้ำได้ มีความยืดหยุ่นสูง และนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทนความร้อนได้สูงถึง 60 องศาเซลเซียส สติกเกอร์ PVC สามารถฉีกขาดได้ยาก จึงทำให้เหมาะกับการใช้งานทั้งภายในอาคาร และภายนอกอาคาร สติกเกอร์ PVC ถูกแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้
สติกเกอร์ใส PVC มีลักษณะที่สามารถมองทะลุได้ไปถึงด้านหลัง เมื่อพิมพ์สติกเกอร์ใส PVC ออกมาจะมีลักษณะงานคล้ายกับงานสกรีน ซึ่งมีราคาถูกกว่าแบบงานสกรีนลงบนขวด หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เป็นอย่างมาก สติกเกอร์ใส PVC เหมาะกับงานติดขวดแก้ว ขวดพลาสติก จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณดูดี และดูมีราคา โดยสติกเกอร์ PVC ใส มีให้เลือกทั้งงานพิมพ์ และงานเคลือบใส
สำหรับสติกเกอร์ PVC สีขาวด้าน และสีขาวเงา จะเหมาะกับงานพิมพ์สี เพื่อให้ได้สีสดใส สติกเกอร์ชนิดนี้สามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลายหลาย เช่น ติดลงบนกล่องเบเกอรี่, ฉลากผลไม้, ฉลากกล่องอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถนำไปติดลงบนผลิตภัณฑ์ที่ต้องเสี่ยงโดนน้ำเป็นประจำได้อีกด้วย
สติกเกอร์ PVC อีกชนิดที่ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน คือสติกเกอร์สี โดยสติกเกอร์ชนิดนี้มีให้เลือกหลายสี เช่น สติกเกอร์ PVC สีแดง, สีดำ, สีเขียว, สีน้ำเงิน และสีเหลือง เป็นต้น สติกเกอร์ PVC สี เหมาะกับงานไดคัทป้าย, สติกเกอร์ติดรถยนต์, สติกเกอร์ติดกระจก และอื่น ๆ ซึ่งสติกเกอร์ PVC เหมาะกับการใช้งานภายนอกอาคารมากกว่า
ข้อดีของสติกเกอร์ PVC
สรุปแล้วที่สติกเกอร์ PVC ได้รับความนิยมอย่างสูง นั่นก็เพราะว่า…สติกเกอร์ PVC มีราคาที่ถูกกว่าสติกเกอร์ชนิดอื่น ๆ และสามารถกันน้ำได้ดี ทนทานต่อสภาพอากาศ และความร้อนได้ในระดับหนึ่ง ติดได้หลายพื้นผิว จึงทำให้สติกเกอร์ PVC เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
สำหรับสติกเกอร์แบรนด์ K-JET, K-TAK และ Altra เป็นแบรนด์สติกเกอร์ภายใต้ไทย เคเค ที่ผลิตสติกเกอร์คุณภาพสูง แต่ราคาย่อมเยาว์ ให้เลือกทั้งสติกเกอร์ PVC ใส A4, สติกเกอร์ PVC แผ่นใหญ่ ขนาด A3+ และสติกเกอร์ PVC ม้วน
ช้อปสติกเกอร์ PVC ผ่านเว็บไซต์ thaikk.co.th / Shopee / Lazada หรือ Line OA : https://cstu.io/6dd2a3 หรือ Inbox ผ่านเฟซบุ๊ก Thai KK Industry Co., Ltd. หรือโทรมาที่เบอร์ : 02-338-4900 ต่อ 4610 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 8:30-17:00 น. เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
หลาย ๆ คนอาจจะเคยรู้จักเทปกาวย่น หรือเทปกระดาษกาวย่นกันอยู่แล้ว แต่เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็ยังคงงง ๆ ว่าเทปกาวย่นคืออะไร? จริง ๆ แล้วเทปกาวย่นมีชื่อเรียกอีกหนึ่งชื่อคือ “เทปหนังไก่” พอเห็นชื่อนี้แล้วน่าจะรู้จักขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหมล่ะ! เทปกาวย่นถูกนำมาใช้งานตั้งแต่งานเครื่องเขียนไปจนถึงงานอุตสาหกรรม และวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเทปกาวย่นให้มากขึ้น เทปกาวย่นแต่ละชนิดถูกนำไปใช้งานอย่างไรบ้าง เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน
เทปกระดาษกาวย่น (Masking Tape) ถูกผลิตมาจากกระดาษเครป (Crepe Paper) โดยะมีทั้งสีขาว และสีครีม เทปกาวชนิดนี้ไวต่อแรงกด และสามารถฉีกขาดได้ง่ายด้วยมือแบบง่าย ๆ สำหรับคุณสมบัติของเทปกระดาษกาวย่นมี ดังน
เทปกระดาษกาวย่นถูกนำมาใช้งานอย่างหลากหลาย ทั้งงานเครื่องเขียน งานออฟฟิศ และงานอุตสาหกรรม เช่น ใช้สำหรับตกแต่งสมุดโน้ต, ใช้สำหรับงานศิลปะ, ใช้สำหรับงานทาสี และงานพ่นสีรถยนต์ เป็นต้น โดยเทปกระดาษกาวย่นของไทย เคเค ถูกแบ่งออกเป็นหลายชนิด เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานแตกต่างกัน และวันนี้เราจะไปดูกันว่าเทปกระดาษกาวย่นของไทย เคเค มีกี่ชนิด และเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง?
เทปกระดาษกาวย่น Thai KK มีให้เลือก 3 ชนิด ได้แก่ เทปกาวย่นพิมพ์ลาย หรือเทปวาชิ, เทปกาวย่นสำหรับงานเครื่องเขียน และเทปกาวย่นสำหรับงานออฟฟิศ
เทปกาวย่นพิมพ์ลาย หรือเทปวาชิของ Thai KK (Washi Tape) มีลวดลายให้เลือกเยอะมากกว่า 50 ลวดลาย มีทั้งลายคิ้วท์ ๆ และลายใหม่ล่าสุด Disney Classic Tape และ Disney Emoji Tape ที่ใครเห็นก็ตกหลุมรัก! เทปวาชิ เหมาะกับงานตกแต่งสมุดโน้ต, ปฏิทิน, แจกันดอกไม้, งาน DIY, งานคราฟท์, งานอาร์ต เป็นต้น
เทปกาวย่น สำหรับงานเครื่องเขียน เหมาะกับการใข้งานภายในอาคาร เช่น งานตกแต่ง, งานศิลปะ, งาน DIY เป็นต้น เทปกาวย่นชนิดนี สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 60°C
เทปกาวย่น สำหรับงานออฟฟิศ เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เช่น ใช้ปิดกล่อง, ใช้มัดรวมสิ่งของ, ใช้ติดกระดาษกับผนัง และสามารถใช้เป็นโน้ตขนาดเล็กได้อีกด้วย ซึ่งเทปกาวย่นชนิดนี้ สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 80°C
สำหรับเทปกระดาษกาวย่นใช้งานในอุตสาหกรรม มีให้เลือกทั้งหมด 3 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะสามารถทนความร้อนได้แตกต่างกัน และเหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน ดังนี้
เทปกาวย่น สำหรับงานทาสี สามารถใช้งานได้ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร เทปกาวย่นชนิดนี้ เหมาะกับการใช้งานทาสีบ้าน, งานซ่อมกันชนรถยนต์, งานขัดเปียก เป็นต้น สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 100°C
เทปกาวย่น สำหรับงานพ่นสีรถยนต์ สามารถใช้งานได้ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร เหมาะกับงานพ่นสีรถยนต์, อุตสาหกรรมซ่อมแซมยานยนต์ เป็นต้น สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 120°C
เทปกาวย่น สำหรับงานที่ใช้ความร้อนสูง เป็นเกรดพรีเมียมของ Thai KK ที่สามารถทนความร้อนได้สูงถึง 150°C และไม่ทิ้งสารตกค้าง นอกจากนี้ยังสามารถกันน้ำได้ดี เหมาะกับงานขัดเปียก เป็นต้น สำหรับใครที่ต้องการนำไปใช้งานอุณหภูมิสูงต้องเทปกาวย่นชนิดนี้เลย!
ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม หรือใครที่ต้องการเทปกาวย่น เทปกาวราคาส่ง สามารถติดต่อสอบถาม หรือสั่งซื้อได้ที่ Line OA : https://cstu.io/6dd2a3 หรือ Inbox ผ่านเฟซบุ๊ก Thai KK Industry Co., Ltd. หรือโทรมาที่เบอร์ : 02-338-4900 ต่อ 4610 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 8:30-17:00 น. และถ้าหากต้องการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ thaikk.co.th / Shopee / Lazada ได้ทันที!
เครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอล หรือการพิมพ์ระบบดิจิตอลเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะงานพิมพ์ระบบดิจิตอลทั้งสะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่าย เครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลถูกนำมาใช้ในโรงพิมพ์ ร้านพิมพ์เอกสาร บริษัท ห้างร้าน และอื่น ๆ อีกมากมาย วันนี้เราจะขอมาแนะนำสติกเกอร์สำหรับเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอล นอกจากนี้ยังนำเกร็ดความรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอลมาฝากกันด้วย
เครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอล (Digital Printing) คือเครื่องพิมพ์ต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์ โดยรับข้อมูลภาพจากคอมพิวเตอร์ และนำมาพิมพ์ ซึ่งสามารถแก้ไขไฟล์ และสั่งพิมพ์ได้โดยตรงเลย แตกต่างจากระบบพิมพ์การพิมพ์แบบออฟเซ็ท ที่ต้องมีการทำเพลท หรือแม่พิมพ์ก่อนการพิมพ์ โดยประเภทการพิมพ์ดิจิตอล ถูกแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้ พิมพ์แบบถ่ายโอนความร้อน, พิมพ์แบบพ่นหมึก/อิงค์เจ็ท และพิมพ์แบบไฟฟ้าสถิตย์ สำหรับงานที่พิมพ์ด้วยระบบดิจิตอล ได้แก่ สติกเกอร์ ฉลากสินค้า ใบปลิว เมนูอาหาร แผ่นพับ การ์ดเชิญ เป็นต้น
ทำไมต้องใช้สติกเกอร์ให้เหมาะสมกับระบบพิมพ์ นั่นก็เพราะว่าการเลือกสติกเกอร์ให้เหมาะกับเครื่องพิมพ์จะช่วยทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการพิมพ์ ได้งานพิมพ์ที่สีสด คมชัด และวันนี้เราจะมาแนะนำสติกเกอร์คุณภาพสูงจาก Thai KK กัน โดยสติกเกอร์ทุกชนิดของไทย เคเค มีคุณสมบัติ ดังนี้
สติกเกอร์ชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยราคาที่ถูกกว่าสติกเกอร์ชนิดอื่น ๆ ซึ่งสติกเกอร์กระดาษจะเหมาะกับการติดสินค้าที่ไม่ต้องเสี่ยงโดนน้ำ เช่น สติกเกอร์บาร์โค้ด สติกเกอร์ติดอาหารแห้ง สติกเกอร์บอกวันหมดอายุ เป็นต้น
สติกเกอร์กระดาษ Thai KK มีให้เลือกทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ สติกเกอร์กระดาษขาวด้าน, สติกเกอร์กระดาษขาวมัน และสติกเกอร์กระดาษคราฟท์
สติกเกอร์พีพี มีความคงทน เรียบเนียน เข้าโค้งมุมได้ดี และเหมาะกับงานที่ต้องเสียงสัมผัสน้ำ หรือสามารถโดนน้ำได้ ซึ่งสติกเกอร์ชนิดนี้เหมาะสำหรับนำไปใช้งานทั่วไป เช่น สติกเกอร์ติดขวดแชมพู สติกเกอร์ติดขวดน้ำ สติกเกอร์ติดขวดครีม เป็นต้น
สติกเกอร์ PP Thai KK มีให้เลือกทั้งหมด 4 ชนิด ได้แก่ สติกเกอร์ PP ขาวด้าน, สติกเกอร์ PP ขาวมุก, สติกเกอร์ PP เงินเงา และสติกเกอร์ PP ชนิดใส
สติกเกอร์โพลีเอสเตอร์ (Polyester Sticker) สามารถกันน้ำได้ดี ทนต่อแรงฉีกขาดได้สูง และสามารถทนความร้อนได้สูงกว่าสติกเกอร์ชนิดอื่น ๆ เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องเก็บนาน ๆ หรืองานพิมพ์ที่ต้องโดนความร้อน
สติกเกอร์โพลีเอสเตอร์ Thai KK มีให้เลือกทั้งหมด 2 ชนิด ได้แก่ สติกเกอร์โพลีเอสเตอร์ดูอัลเมทัลลิก และสติกเกอร์โพลีเอสเตอร์ทอง โดยสติกเกอร์ชนิดนี้เหมาะกับติดสินค้าที่หรูหรา ให้ความ Luxury เช่น สติกเกอร์ติดขวดไวน์ สติกเกอร์ติดแบรนด์ครีม เป็นต้น
สติกเกอร์ Thai KK คุณภาพสูง ราคาโรงงาน ช้อปสติกเกอร์ THAI KK ผ่านเว็บไซต์ thaikk.co.th / Shopee / Lazada หรือ Line OA : https://cstu.io/6dd2a3 หรือ Inbox ผ่านเฟซบุ๊ก Thai KK Industry Co., Ltd. หรือโทรมาที่เบอร์ : 02-338-4900 ต่อ 4610 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 8:30-17:00 น. เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ปัจจุบันงานพิมพ์ไม่ใช่เรื่องยาก เราสามารถทำเองได้ง่าย ๆ เพราะแค่มีเครื่องพิมพ์ก็สามารถพิมพ์เอกสาร, รูปภาพ หรือฉลากสินค้าได้แบบง่าย ๆ ได้เองแม้อยู่ที่บ้าน! เครื่องพิมพ์มีหลากหลายประเภท แต่ที่หลายคนนิยมซื้อมาติดบ้านเอาไว้จะเป็น “เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท” แล้วเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทคืออะไร? ต่างจากเครื่องพิมพ์ประเภทอื่นอย่างไร และสติกเกอร์ชนิดไหนที่ใช้กับระบบเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทได้บ้าง ตามไปอ่านกันได้ที่บทความนี้
เครื่องพิมพ์ระบบอิงค์เจ็ท คือการพิมพ์แบบพ่นหมึกลงบนวัสดุได้เลย ใช้งานง่าย เหมาะกับการใช้งานในครัวเรือน, ออฟฟิศ หรืองานการพิมพ์งานที่จำนวนไม่เยอะ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสามารถพิมพ์งานได้คมชัด สวยงาม มีขนาดเล็ก และไม่เปลืองพื้นที่ สำหรับสติกเกอร์ หรือกระดาษที่ใช้พิมพ์กับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ควรมีพื้นผิวที่หนา และแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้หมึกซึมเลอะเทอะ ดังนั้นควรเลือกสติกเกอร์ให้เหมาะกับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท และใครที่ยังคิดไม่ออกว่าจะซื้อสติกเกอร์แบบไหนให้เหมาะสม วันนี้เราขอมาแนะนำสติกเกอร์ Thai KK สำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทกัน
สำหรับ Altra Jet คือสติกเกอร์แบรนด์ในเครือของไทย เคเค สติกเกอร์ Altra Jet คือสติกเกอร์ PP ที่เหมาะสำหรับเครื่องพิมพ์ระบบอิงค์เจ็ท โดยคุณสมบัติของสติกเกอร์ PP คือสติกเกอร์ชนิดนี้สามารถกันน้ำได้ มีความเรียบเนียน เข้าโค้งมุมได้ดี ทนความร้อนได้สูงถึง 90 องศาเซลเซียส ซึ่งสติกเกอร์ Altra Jet มีให้เลือกทั้งหมด 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด A4 ที่เหมาะสำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทขนาดเล็ก เหมาะสำหรับใช้งานในบ้าน และขนาด A3+ ที่เหมาะกับเครื่องพิมพ์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย
สติกเกอร์ PVC มีความคงทน สามารถทนความชื้นได้ดี ทนความร้อนได้ประมาณ 50-60 องศาเซลเซียส ซึ่งน้อยกว่าสติกเกอร์ PP สติกเกอร์ชนิดนี้เหมาะกับการใช้งานเป็นโลโก้สินค้า, สติกเกอร์ติดแก้วน้ำ, สติกเกอร์ติดรถยนต์ เป็นต้น สติกเกอร์ PVC ของไทย เคเค มีให้เลือกเป็นขาวเงา กาว Permanent และกาว Semi-Permanent ซึ่งกาว Permanent จะเหมาะกับงานพิมพ์ที่ต้องการติดถาวร และสติกเกอร์ PVC กาว Semi-Permanent เหมาะกับงานที่ต้องการลอกออก เช่น ฉลากสินค้าถ้วย ชาม เป็นต้น
คุณสมบัติของ K-Jet สติกเกอร์ PVC
สั่งซื้อสติกเกอร์สำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทได้แล้ววันนี้ผ่านเว็บไซต์ thaikk.co.th / Shopee / Lazada หรือ Line OA : https://cstu.io/6dd2a3 หรือ Inbox ผ่านเฟซบุ๊ก Thai KK Industry Co., Ltd. หรือโทรมาที่เบอร์ : 02-338-4900 ต่อ 4610 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 8:30-17:00 น. เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
“เทป OPP” หรือเทปปิดกล่องที่เราเรียกติดปากกัน เป็นอีกไอเทมที่ถูกหยิบมาใช้งานบ่อยมาก ทั้งในครัวเรือนไปจนถึงอุตสาหกรรม เทป OPP สามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลาย เช่น ใช้ปิดกล่องบรรจุภัณฑ์ ใช้ปิดซองเอกสาร และนำไปใช้งานอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ซึ่งเทป OPP ที่มีตามท้องตลาดมักจะเหมาะกับการใช้งานที่อุณหภูมิห้อง สามารถรับน้ำหนักได้มาก หรือน้อย จะขึ้นอยู่กับไมครอนที่คุณเลือกซื้อ แต่ถ้าหากคุณต้องการนำไปเทป OPP ไปใช้งานปิดกล่อง หรือสินค้าที่ต้องอยู่ในที่อุณหภูมิต่ำจนถึงติดลบ ต้องเลือกซื้อเทป OPP อย่างไรให้เหมาะกับการใช้งานล่ะ?
ส่วนประกอบของเทปจะมีชั้นฟิล์ม และชั้นของเนื้อกาว ซึ่งเทป OPP ผลิตจากเนื้อฟลิม์พลาสติก Oriented Polypropylene ในส่วนของเนื้อกาวนั้น จะมีให้หลากหลายชนิดมาก ๆ ซึ่งเนื้อกาวแต่ละชนิดก็จะทำให้เทป OPP ถูกนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วเทป OPP จะประกอบด้วยเนื้อกาวโซลเวนท์ แต่ถ้าหากคุณอยากได้เทป OPP ไปใช้ปิดกล่องสินค้าที่แช่แข็ง-แช่เย็น เราแนะนำให้คุณเลือกซื้อเทป OPP ที่มีกาวฮอทเมลท์, กาวอะคริลิก หรือกาวยาง เป็นส่วนประกอบ เพราะจะสามารถติดของแช่เย็น-แช่แข็งได้
กาวฮอทเมลท์ อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายเท่าไหร่นัก โดยกาวฮอทเมลท์มีลักษณะเป็นของแข็ง เนื้อกาวไม่มีส่วนผสมของตัวทำละลาย และน้ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 100% ซึ่งกระบวนการผลิตกาวฮอทเมลท์ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เป็นสาเหตุของโลกร้อนอีกด้วย กาวฮอทเมลท์สามารถยึดติดได้ดีเยี่ยม หลายพื้นผิว โดยคุณสมบัติของกาวฮอทเมลท์ที่สำคัญ คือ สามารถทนความชื้นได้ดี เหมาะกับการใช้งานในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ
กาวยางจะมีทั้งแบบกาวยางสังเคราะห์ และกาวยางธรรมชาติ ซึ่งกาวยางสามารถทนต่อความชื้นได้ดี แรงยึดติดสูง แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากการออกซิเดชัน และแสงแดดได้ จึงไม่เหมาะกับการนำไปใช้งานในที่ที่มีอุณหภูมิสูง สามารถนำไปติดบนพื้นผิววัสดุได้หลายประเภท เช่น พลาสติก, หนัง, แผ่นไม้อัด เป็นต้น เหมาะกับการใช้ติดของแช่แข็ง-แช่เย็น และใช้งานอุณหภูมิห้อง
กาวอะคริลิก เป็นกาวที่มีแรงยึดติดสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทนต่อน้ำ และความชื้นได้ดี จึงทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งในอุณหภูมิห้อง และอุณหภูมิต่ำ
เทป OPP-Hotmelt ผลิตจากเนื้อฟิล์ม Bi Oriented Polypropolyene Film เนื้อกาวฮอทเมลท์ (Hot Melt Adhesive) สามารถทนความชื้น และกันน้ำได้ดี เหมาะกับใช้งานในอุณหภูมิ -40 °C จนถึงอุณหภูมิห้อง ติดได้ทั้งผิวเรียบ และผิวขรุขระ ใช้ปิดกล่องที่มีน้ำหนักมากได้สูงถึง 20 กิโลกรัม ใช้ติดอาหารแช่แข็ง-แช่เย็น มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีใส (Clear) และสีน้ำตาล (Brown)
เทป OPP-Hybrid มีลักษณะที่พิเศษ และโดดเด่นกว่าเทป OPP ตัวอื่น เทป OPP-Hybrid มีความหนาถึง 65 ไมครอน เหนียวกว่าเทป OPP รุ่นทั่วไป ทำให้มีความเหนียวแน่น สามารถรับน้ำหนักได้สูงถึง 35 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังทนต่อความชื้นได้ดี เหมาะกับใช้ปิดกล่อง อาหารแช่เช็น-แช่แข็งได้ที่อุณหภูมิต่ำสุด -20 °C
สำหรับใครที่กำลังอยากได้เทปปิดกล่องที่สร้างเอกลักษณ์ เพิ่มความโดดเด่น ห้ามพลาดกับเทปกระดาษคราฟท์ เทปชนิดนี้ถูกผลิตมาจากกระดาษคราฟท์ และเคลือบทับด้วยพลายสติก PE อีกชั้น จึงทำให้สามารถทนความชื้น และน้ำได้ระดับหนึ่ง โดยใช้ได้ตั้งแต่อุณภูมิห้อง ไปจนถึงอุณหภูมิ -20 °C และสามารถฉีกขาดได้ง่ายด้วยมือ รับน้ำหนักได้ถึง 30 กิโลกรัม
เทป OPP รุ่น Hotmelt และ Hybrid สามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทั้งอุตสาหกรรม, โลจิสติกส์ และอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับผู้ประกอบการ หรือลูกค้าที่ต้องการสั่งซื้อ สามารถตามมาช้อปได้ที่่เว็บไซต์ thaikk.co.th / Shopee / Lazada หรือ Line OA : https://cstu.io/6dd2a3 หรือ Inbox ผ่านเฟซบุ๊ก Thai KK Industry Co., Ltd. หรือโทรมาที่เบอร์ : 02-338-4900 ต่อ 4610 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 8:30-17:00 น. เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
วิกฤตขยะ เป็นปัญหาของทั่วโลก ที่มีปริมาณขยะเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี โดยขยะที่ถูกนำไปเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล คิดเป็น 16% เท่านั้น ถือเป็นตัวเลขที่น้อยมาก ๆ ซึ่งขยะเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศ ภาวะโลกร้อน และปัญหาขยะล้นโลก ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทั่วโลกถึงร่วมกันรณรงค์ให้ลดประมาณขยะ
วันนี้เราจึงอยากขอชวนเจ้าของธุรกิจอาหาร, ร้านอาหาร, คาเฟ่, ธุรกิจขายปลีก, โรงพยาบาล, การผลิต หรือการขนส่ง มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลก ด้วยการใช้สติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลัง (Linerless Label) แทนสติกเกอร์ที่มีไลเนอร์ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะลงได้เยอะมาก ๆ สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าสติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลังคืออะไร วันนี้เราขอพาทุกคนไปดูกันเลย!
สติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลังเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับประเทศไทยมาก ๆ เพราะยังไม่ค่อยมีใครนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายเท่าไหร่นัก “Linerless Label” คือสติกเกอร์ที่ไม่มีแผ่นรองหลัง ซึ่งสติกเกอร์ทั่วไปที่เราใช้งานจะมีแผ่นรองหลัง หรือวัสดุรองหลัง (Release Liner) ทำหน้าที่รองรับผิวหน้า (Surface), รักษาความสะอาดของชั้นกาว และช่วยให้ลอกสติกเกอร์ออกได้ง่าย แต่ถ้าหากเราใช้สติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลังก็จะช่วยลดปริมาณขยะเหล่านี้ได้มากขึ้น เพราะสติกเกอร์ถูกนำไปใช้แทบทุกอุตสาหกรรม นอกจากนี้สติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลังมีข้อดีอะไรอีกบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า!
ลดปริมาณขยะ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ม้วนฉลากสติกเกอร์ทั่วไปมีแผ่นรองหลังที่อาจจะผลิตมาจากซิลิโคน หรือ PE โดยทั่วไปแล้วไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ทำให้ต้องนำไปฝังกลบแทน แต่ถ้าหากใชสติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลัง ก็จะช่วยลดปริมาณขยะลง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ความยาวต่อม้วนเพิ่มมากขึ้น
สติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลังมีความยาวต่อม้วนมากกว่าสติกเกอร์มีแผ่นรองหลังถึง 40% ต่อม้วน เพราะถ้าหากไม่มีแผ่นรองหลังก็ทำให้ได้สติกเกอร์ที่มีความยาวเพิ่มมากขึ้น
เลือกขนาดได้ตามความต้องการ
สติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลังสามารถระบุขนาดได้ตามความต้องการ เพื่อให้เหมาะสมที่สุดกับแต่ละงาน ซึ่งแตกต่างจากฉลากทั่วไปที่มีความยาวคงที่
ประหยัดเวลา
สติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลังช่วยให้คุณประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น สามารถติดสติกเกอร์ได้อย่างรวดเร็ว เพราะถ้าหากเป็นฉลากทั่วไปต้องเสียเวลาแกะแผ่นรองหลังออก Linerless Label ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ และค่าขนส่ง
สติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลังมีขนาดม้วนที่เล็กลง ช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งอีกด้วย
สติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลัง หรือที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกับคำว่าสติกเกอร์บาร์โค้ด ส่วนใหญ่ถูกนำไปทำเป็นบาร์โค้ดติดสินค้าขาบปลีก, สติกเกอร์ติดแก้วน้ำ แก้วกาแฟ เพื่อลดความผิดพลาดของออเดอร์ และเรียกชื่อลูกค้าได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังเหมาะกับการใช้ในร้านอาหารที่มี Food Delivery อีกด้วย
***สติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลังเหมาะกับเครื่องพิมพ์เฉพาะพิมพ์ฉลาก Linerless เท่านั้น ไม่สามารถใช้ร่วมกับเครื่องพิมพ์สติกเกอร์ Direct Thermal ปกติทั่วไปได้
สติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลัง (Linerless Lables) จากไทย เคเค ผลิตจากกระดาษ Direct Thermal ที่ใช้ความร้อนในการพิมพ์ลงบนกระดาษ โดยเครื่องพิมพ์ระบบนี้จะส่งความร้อนจากหัวพิมพ์ลงบนกระดาษสติกเกอร์โดยตรง เมื่อความร้อนทำปฏิกิริยากับกระดาษที่เคลือบสารเคมี จะทำให้เกิดสีขึ้นมา สำหรับกาวที่ใช้กับสติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลัง คือกาวฮอทเมลท์ (Hot Melt Adhesive) ที่มีคุณสมบัติในการทนความชื้นได้ดี และสามารถติดสินค้าในอุณหภูมิแช่เย็น-แช่แข็งได้ และนอกจากนี้กาวฮอทเมลท์ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการสร้างคาร์บอนฟรุ๊ตปรินท์ได้ถึง 50%
สำหรับใครที่สนใจสติกเกอร์ไม่มีแผ่นรองหลัง (Linerless Labels) สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อได้ที่เบอร์โทร 02-338-4900
เทปใส เทปปิดกล่อง หรือเทป OPP (Oriented Polypropylene Film) ถูกนำไปใช้งานทั้งในครัวเรือน และอุตสาหกรรม สำหรับครัวเรือน หรือออฟฟิศ มักจะนำไปใช้งานในการปิดกล่อง ปิดผนึกซองเอกสาร ซ่อมแซมสินค้าชำรุด หรือติดรอยขาดของกระดาษ เป็นต้น แต่สำหรับเทปใสม้วนใหญ่ ที่มีความยาวถึง 1,000 หลา ส่วนใหญ่จะนำไปใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพราะเทปใสม้วนใหญ่ต้องใช้คู่กับเครื่องติดเทป โดยจะเหมาะกับการไปแพ็คบรรจุภัณฑ์เท่านั้น นอกจากนี้ถ้าหากเลือกเทปใสที่มีคุณภาพก็จะช่วยประหยัดเวลา และช่วยลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย วันนี้เราจึงขอมาแนะนำเทปใสม้วนใหญ่จาก Thai KK เทปกาวคุณภาพดีที่อยู่คู่คนไทยมามากกว่า 40 ปี และต้องเลือกอย่างไรให้เหมาะกับสินค้า ตามไปอ่านกันเลยกับบทความนี้
เทปใสม้วนใหญ่ เหมาะกับการใช้งานกล่องบรรจุภัณฑ์ทั่วไป หรือใช้ปิดบรรจุภัณฑ์ที่ต้องถูกจัดเก็บในห้องที่มีอุณหภูมิต่ำ นอกจากนี้การใช้เทปใสยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล่อง มีความปลอดภัยในการขนส่ง
เทปใสม้วนใหญ่ Thai KK ผลิตจากฟิล์ม BOPP (Bi Oriented Polypropylene Film) เนื้อกาวอะคริลิก (Acrylic Emulsion Base) จึงทำให้กาวเหนียวแน่น ติดทน เหมาะกับการใช้งานในอุณหภูมิห้อง และสามารถใช้งานในอุณหภูมิต่ำถึง -5°C นอกจากนี้เทปใสม้วนใหญ่ของไทย เคเค ยังมีให้เลือกค่าไมครอนที่แตกต่างกัน (อ่านเพิ่มเติม : ไมครอนคืออะไร) เทปใสม้วนใหญ่ แต่ละไมครอนใช้งานต่างกันอย่างไร? ตามไปดูกันเลย
เทปใสม้วนใหญ่ 38 ไมครอน (KK-Red) – เหมาะกับการใช้ปิดบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนัก 1-3 กิโลกรัม เช่น กล่องบรรจุภัณฑ์หน้ากากอนามัย, กล่องบรรจุภัณฑ์หลอด, กล่องบรรจุภัณฑ์ถ้วยกระดาษ เป็นต้น
เทปใสม้วนใหญ่ 40 ไมครอน (KK-Blue) – เหมาะกับการใช้ปิดบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนัก 3-5 กิโลกรัม เช่น กล่องบรรจุภัณฑ์อาหารแห้ง, กล่องบรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ เป็นต้น
เทปใสม้วนใหญ่ 45 ไมครอน (KK-Orange) – เหมาะกับการใช้ปิดบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนัก 5-10 กิโลกรัม เช่น กล่องบรรจุภัณฑ์ผลไม้, กล่องบรรจุภัณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เป็นต้น
เทปใสม้วนใหญ่ 50 ไมครอน (KK-Yellow) – เหมาะกับการใช้ปิดบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนัก 30 กิโลกรัม เช่น กล่องบรรจุภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ เป็นต้น
แนะนำวิธีเลือกซื้อเทปกาว : ควรเลือกซื้อเทปกาวให้เหมาะกับน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ เพราะถ้าหากเลือกเทปกาวที่มีไมครอนต่ำ และใช้ติดกับบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนักมาก จะทำให้เทปกาวเด้ง หรือหลุดออกมาได้ ดังนั้นควรเลือกให้เหมาะกับน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ เพื่อที่จะได้ประหยัดเวลา และไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม
วิธีการเก็บรักษาเทปกาว : ควรเก็บเทปกาวไว้ในคลังสินค้า เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดด และฝน เก็บเทปกาวไว้ในอุณหภูมิห้อง ไม่ควรเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิร้อนเกินไป เพราะจะทำให้กาวเยิ้ม และเสื่อมคุณภาพ
เทปใสม้วนใหญ่ Thai KK หน้ากว้าง 48 มิลลิเมตร ยาว 1000 หลา เหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรม สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ผ่านเว็บไซต์ thaikk.co.th / Shopee / Lazada หรือ Line OA : https://cstu.io/6dd2a3 หรือ Inbox ผ่านเฟซบุ๊ก Thai KK Industry Co., Ltd. หรือโทรมาที่เบอร์ : 02-338-4900 ต่อ 4610 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 8:30-17:00 น. เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
เวลาที่คุณต้องการยึดติดสิ่งของทั้งสองสิ่งไว้ด้วยกัน เรามักจะนึกถึงเทปกาวสองหน้าเสมอ เพราะเทปกาวสองหน้าเหมาะกับงานติดพื้นผิววัสดุทั้งสองชิ้นเข้าด้วยกัน และสามารถนำไปใช้งานได้มากประโยชน์ เช่น งานประดิษฐ์, ติดป้าย, ติดกรอบรูป เป็นต้น นอกจากนี้เทปกาวสองหน้ายังสามารถนำไปใช้งานได้ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร
ซึ่งเทปกาวสองหน้ามีหลายประเภท ได้แก่ เทปกาวสองหน้า เนื้อทิชชู่ ที่เหมาะกับการงานประดิษฐ์ งานเครื่องเขียน, เทปกาวสองหน้า เนื้อโฟม เหมาะกับงานยึดติดโปสเตอร์, ตะขอแขวน และมีอีกชนิดหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ คือ เทปกาวนาโน ที่มีแรงยึดติดสูงมาก สามารถติดได้หลายพื้นผิว เหมาะกับงานยึดติดที่มีน้ำหนักเยอะ สำหรับใครที่สงสัยว่าเทปกาวนาโน คืออะไร? วันนี้เราขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกันเลย
เทปกาวนาโน คือเทปกาวสองหน้าแบบใส ผลิตจากกาวอะคริลิก 100% (Solid Acrylic 100%) จึงทำให้เทปกาวมีคุณสมบัติที่สามารถกันน้ำได้ 100% ทนทานทุกสภาพอากาศ สามารถใช้งานได้ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร นอกจากนี้ยังมีความเหนียวที่สูงมาก ยึดติดสิ่งของได้หลายพื้นผิว กันเสียงสะท้อนได้ ใช้กับแผ่นซับเสียง หรือแผงไข่ที่ใช้กันเสียง ภายในห้องอัดเสียงได้
ใหม่! เทปกาวนาโนจาก THAI KK เนื้อกาวอะคริลิก ชนิดแรงยึดติดสูงพิเศษ เหมาะสำหรับงานยึดติดทั่วไป เนื้อกาวมีค่าความหนาที่ 1,000 ไมครอน สามารถรับน้ำหนักได้สูงถึง 1 กิโลกรัม และทนความร้อน ความชื้น ทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -10°C ถึง 120°C เทปกาวนาโน THAI KK เหมาะกับการใช้งานภายในอาคาร เช่น ติดตะขอแขวน, ติดโปสเตอร์, ใช้ติดกับเฟอร์นิเจอร์ไม่ให้เลื่อน, ติดพรม, จัดระเบียบของในบ้าน และเทปกาวนาโน THAI KK ยังเหมาะกับการใช้งานนนอกอาคาร ใช้สำหรับติดรับน้ำหนักแทนตะปู เช่น ป้ายไม้, ป้ายโลหะ, ตู้ไปรษณีย์, เซรามิค เป็นต้น
ใครที่สนใจเทปกาวนาโน THAI KK สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ผ่านเว็บไซต์ thaikk.co.th หรือ Line OA : https://cstu.io/6dd2a3 หรือ Inbox ผ่านเฟซบุ๊ก Thai KK Industry Co., Ltd. หรือโทรมาที่เบอร์ : 02-338-4900 ต่อ 4610 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 8:30-17:00 น. เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
เทปกาวสองหน้า (Double Side Tape) ถูกนำมาใช้งานตั้งแต่ภายในบ้าน ออฟฟิศ จนถึงอุตสาหกรรม เทปกาวสองหน้า คือเทปที่มีกาวเคลือบอยู่ทั้งสองด้าน โดยใช้ติดพื้นผิววัสดุได้ทั้งสองด้าน สามารถนำไปใช้ติดได้กับวัสดุหลายประเภท เช่น กระดาษ, พลาสติก, เนื้อโฟม, ไม้ เป็นต้น นอกจากนี้เทปกาวสองหน้ายังมีหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะถูกนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน แล้วเทปกาวสองหน้ามีแบบไหนบ้าง ใครที่อยากรู้แล้ว ตามไปอ่านกันต่อได้เลย!
เทปกาวสองหน้าเนื้อทิชชู หรือที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกับคำว่า “เทปเยื่อกาวสองหน้า” คือเทปกาวสองหน้าแบบบาง เหมาะกับการใช้งานภายในอาคาร ยึดติดได้กับพื้นผิวหลายประเภท เช่น ใช้ติดกับกระจก, กระดาษ, โฟม, พลาสติก เป็นต้น นอกจากนี้ยังเหมาะกับการใช้งานศิลปะ ใช้ติด หรือต่อวัสดุสองชิ้นเข้าด้วยกัน
เทปกาวสองหน้า เนื้อทิชชู ของไทย เคเค มีให้เลือกหลายแบบ ได้แก่ เทปกาวสองหน้า กาวอะคริลิก และเทปกาวสองหน้า กาวฮอทเมลท์ สำหรับเทปกาวสองหน้า กาวอะคริลิก ทนทานต่อความชื้นได้ดี มีให้เลือกทั้งแบบใช้งานภายใน และภายนอกอาคาร ถัดมาเป็นเทปกาวสองหน้า กาวฮอทเมลท์ ที่สามารถทนความชื้นได้ดีกว่า ใช้ในอุณหภูมิต่ำได้
สำหรับเทปโฟมกาวสองหน้าถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภท ซึ่งแบ่งตามประเภทของเนื้อโฟม ได้แก่ เทปโฟมกาวสองหน้า เนื้อ PU (Polyurethane) เหมาะสำหรับการใช้งานเพื่อลดแรงกระแทกกับเครื่องเรือน กระจก และขอบหน้าต่างได้เป็นอย่างดี ต่อมาเป็นเทปโฟมกาวสองหน้า เนื้อ PE (Polyethylene) เหมาะกับงานป้ายโฆษณา, โปสเตอร์, แก้ว, โลหะ, ผลิตภัณฑ์ตกแต่งรถยนต์ เป็นต้น สุดท้ายเป็นเทปโฟมกาวสองหน้า เนื้อ EVA (Ethylene vinyl acetate) มีแรงกดที่ไวต่อสัมผัส เหมาะกับงานปะเก็น ปิดผนึก และลดแรงกระแทกได้ดี
เทปโฟมกาวสองหน้า ไทย เคเค มีสองชนิดได้แก่ เทปโฟม EVA และเทปโฟม PE โดยเทปโฟมกาวสองหน้าไทย เคเค สามารถทนความชื้นได้ดี โดยเทปโฟม EVA มีน้ำหนักเบา เหมาะกับงานติดโปสเตอร์, งานศิลปะ เป็นต้น ส่วนเทปโฟม PE เหมาะสำหรับงานแขวน, งานประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นต้น
เทปกาวนาโน, เทปกาวมหัศจรรย์ที่หลาย ๆ คนเรียกกัน คือเทปกาวสองหน้าแบบใส ที่มีความเหนียวสูงมาก สามารถนำไปติดได้หลากหลายพื้นผิว ติดภายนอกอาคารได้ ลอกออกไม่ทิ้งคราบกาว ไม่ทำลายพื้นผิวที่ติด โดยสามารถติดได้กับทั้งพื้นไม้ พื้นคอนกรีต พื้นพรม เป็นต้น เทปกาวนาโน ถือเป็นเทปกาวสารพัดประโยชน์ ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย!
เทปกาวนาโน แบรนด์ไทย เคเค มีความเหนียว และทนทานสูงมาก นอกจากนี้ยังสามารถนำไปล้างน้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง เทปกาวนาโน Thai KK ไม่มีสารพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีให้เลือกสองขนาด ได้แก่ 21 มม.x 2 ม. และ 30 มม.x 3 ม.
นอกจากเทปใส หรือเทป OPP ที่ต้องมีติดบ้าน ติดกระเป๋ากันไว้แล้ว เทปกาวสองหน้าก็เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ควรมีติดไว้เช่นกัน เพราะได้หยิบมาใช้งานกันอย่างแน่นอน สำหรับใครที่สนใจเทปกาวสองหน้าของไทย เคเค อยากสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อมาได้ที่ Line OA : https://cstu.io/6dd2a3 หรือ Inbox ผ่านเฟซบุ๊ก Thai KK Industry Co., Ltd. หรือโทรมาที่เบอร์ : 02-338-4900 ต่อ 4610 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 8:30-17:00 น.
ฉลากสินค้า หรือสติกเกอร์ติดสินค้า มีจุดประสงค์เพื่อบ่งบอกข้อมูลบนผลิตภัณฑ์ และเป็นการโปรโมทแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เพื่อให้ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ได้ง่ายมากขึ้น นอกจากการออกแบบโลโก้แบรนด์ หรือการออกแบบฉลากสินค้าจะเป็นเรื่องสำคัญแล้ว การเลือกสติกเกอร์ฉลากสินค้าเพื่อติดลงบนผลิตภัณฑ์ของคุณ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะสติกเกอร์ค่อนข้างมีหลายแบบ แต่ละแบบก็เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นสติกเกอร์ผิวด้าน, ผิวใส หรือสติกเกอร์สีเงิน, สีทอง แล้วจะเลือกอย่างไรให้แบรนด์ดูพรีเมียม และหรูหรามากขึ้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันกับบทความนี้
สติกเกอร์พีพีขาวมุก จะมีลักษณะคล้ายกับสติกเกอร์พื้นขาว แต่จะมีความเหลือบมุก เมื่อสะท้อนแสงจะให้ความเงางาม ระยิบระยับ ให้ความหรูหรามากยิ่งขึ้น โดยสติกเกอร์ชนิดนี้เหมาะกับผลอตภัณฑ์เครื่องอาง, สกินแคร์ เป็นต้น นอกจากนี้สติกเกอร์พีพียังมีคุณสมบัติที่สามารถกันน้ำได้ดี ทนความร้อนได้สูงถึง 90°C และเหมาะกับการใช้งานบนพื้นผิวโค้ง
สติกเกอร์พีพีเงินเงา มีลักษณะเป็นสีเงิน เงางาม สะท้อนแสงแสงแล้วดูโดดเด่น สติกเกอร์สีนี้ช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์ หรือแบรนด์ของคุณมีความชิค เก๋ และมีสไตล์มากยิ่งขึ้น ทำให้สินค้าดูแพง และน่าใช้ นอกจากจะใช้เป็นฉลากสินค้าแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ติดของชำร่วย การ์ด และของขวัญ เป็นต้น
สติกเกอร์โพลีเอสเตอร์ สีดูอัลเมทัลลิก มีความผสมผสานระหว่างสีเงิน และสีทองเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้สติกเกอร์สีนี้ไม่ดูเหลืองทอง หรือเงินเงามากเกินไป ให้ความเรียบหรู ทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณดู Luxury มากยิ่งขึ้น โดยสติกเกอร์สีนี้เหมาะกับสินค้าประเภทน้ำหอม, เครื่องหอม, สินค้าตกแต่งบ้าน เป็นต้น และสติกเกอร์โพลีเอสเตอร์มีคุณสมบัติในการกันน้ำไดีดี ทนต่อแรงฉีกขาด ทนความร้อนได้สูงถึง 145 °C
สติกเกอร์โพลีเอสเตอร์สีดูอัลเมทัลลิก แตกต่างกับสติกเกอร์โพลีเอสเตอร์สีเมทัลลิกเงินอย่างไร หลาย ๆ คนอาจจะกำลังสงสัยอยู่ใช่ไหมล่ะ? สติกเกอร์สีเมทัลลิกเงิน จะออกสีเงินมากกว่าสติกเกอร์ดูอัลเมทัลลิก สำหรับใครที่กำลังต้องการสติกเกอร์สีเงินแบบซอฟต์ๆ ต้องเป็นสีนี้เลย! สติกเกอร์สีนี้เหมาะกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง, สกินแคร์, ไวน์ เป็นต้น
อยากให้สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ดูพรีเมียมหรูหราสุด ๆ ต้องยกให้สติกเกอร์โพลีเอสเตอร์สีทองเลย! อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสีทองนั้นให้ความหรูหรา ดูแพง ไม่ว่าจะติดกับสินค้าประเภทไหนก็ทำให้ดูพรีเมียมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเหมาะกับการติดของชำร่วย กล่องของขวัญอีกด้วย สติกเกอร์โพลีเอสเตอร์สีทองทำให้สินค้าดูโดดเด่น ดึงดูดผู้บริโภค ช่วยกระตุ้นยอดขาย
สติกเกอร์คุณภาพสูง ต้องไทย เคเค เท่านั้น! สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ thaikk.co.th / Shopee / Lazada หรือ Line OA : https://cstu.io/6dd2a3 หรือ Inbox ผ่านเฟซบุ๊ก Thai KK Industry Co., Ltd. หรือโทรมาที่เบอร์ : 02-338-4900 ต่อ 4610 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 8:30-17:00 น. เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อพูดถึงกระดาษรักษ์โลก ที่สามารถย่อยสลายได้ 100% คงอดนึกถึงกระดาษคราฟท์ไม่ได้เลย กระดาษคราฟท์มีเสน่ห์เฉพาะตัว คงความคลาสสิก และมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น หลาย ๆ แบรนด์เลือกใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษคราฟท์ ฉลากสินค้ากระดาษคราฟท์ และเทปกาวกระดาษคราฟท์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งในวันนี้เราขอพาทุกคนมาหาคำตอบกันว่าทำไมกระดาษคราฟท์ถึงเป็นกระดาษที่รักษโลก!
กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper) มีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากกระดาษทั่วไป ซึ่งกระดาษคราฟท์มีเนื้อสัมผัสที่หยาบ เนื้อกระดาษค่อนข้างหนา เรียบสม่ำเสมอ มีความเหนียว รับน้ำหนักได้ดีกว่ากระดาษธรรมดา นอกจากนี้ยังเหมาะกับงานพิมพ์อีกด้วย
กระดาษคราฟท์ ถูกผลิตโดยผ่านกระบวนการคราฟท์ (Kraft Process) คือการใช้เทคโนในการแปรสภาพเนื้อไม้ให้กลายเป็นเยื่อกระดาษไม้ (Wood Pulp) ซึ่งใช้สารเคมี และความร้อนในการแยกยื่อไม้ รวมถึงกำจัดลิกนิก (Lignin) และสิ่งเจือปนต่าง ๆ ออกไป จึงทำให้กระดาษคราฟ์มีความเหนียวสูง แข็งแรง โดยสีกระดาษที่ได้จะเป็นสีน้ำตาล แต่ที่เราเห็นสีกระดาษคราฟท์สีขาว เพราะได้ผ่านกระบวนการฟอกสีนั่นเอง
ประโยชน์ของกระดาษคราฟท์
กระดาษคราฟท์เป็นกระดาษรักษ์โลก แต่ถ้าหากเป็นกระดาษคราฟท์ที่ถูกเคลือบด้วยกาวอะคริลิก หรือถูกเคลือบด้วย PE จะไม่สามารถย่อยสลายได้ 100% ซึ่งพลาสติกที่ถูกเคลือบทับจะสามารถย่อยสลายได้ช้ามาก และสามารถย่อยสลายได้ตามสภาวะดิน สภาวะอากาศ อุณหภูมิที่เหมาะสมเท่านั้น ทำให้กระดาษคราฟท์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามการใช้งาน ได้แก่ กระดาษคราฟท์ย่อยสลาย 100% และกระดาษคราฟท์ที่ไม่ย่อยสลาย 100%
แต่ถึงอย่างไร…การเลือกใช้กระดาษคราฟท์เป็นส่วนหนึ่งก็ดีต่อโลกมากกว่าการเลือกใช้พลาสติก เพราะการย่อยสลายของพลาสติกใช้เวลาในการย่อยสลายนานถึง 450 ปี มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดขยะโลกกันเถอะ! สำหรับวันนี้เราจะขอมาแนะนำเทปกาวรักษ์โลก และสติกเกอร์กระดาษคราฟท์จาก Thai KK กัน
เทปไบโอ (Bio Tape) จาก Thai KK สามารถย่อยสลายได้ 100% ผลิตจากกระดาษคราฟท์ แต่ไม่ถูกเคลือบด้วยพลาสติกโพลีเอทิลีน (Non-Polyethylene) และใช้กาวยาง (Rubber Solvent) เพื่อให้เทปไบโอสามารถย่อยสลายได้ 100% และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เทปไบโอสามารถเขียนทับได้ ฉีกขาดได้ง่ายด้วยมือ ติดทับได้หลายพื้นผิว นำไปรีไซเคิลได้ เหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน ออฟฟิศ และอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังสามารถนำไปพิมพ์แบรนด์ หรือลวดลายที่ต้องการได้อีกด้วย!
เทปกระดาษคราฟท์ (Kraft Tape) ผลิตจากกระดาษคราฟท์สีน้ำตาล โดยเนื้อกระดาษถูกเคลือบด้วยซิลิโคน (Silicone) จึงทำให้เทปกระดาษคราฟท์ชนิดสามารถทนต่อความชื้นได้ดีกว่าเทปไบโอ ซึ่งเนื้อกาวจะเคลือบด้วยกาวโซลเวนท์ เทปชนิดนี้จึงไม่สามารถย่อยสลายได้ 100% แต่จะสามารถใช้งานได้ในอุณหภูมิต่ำได้ดีกว่า และรับน้ำหนักได้สูงถึง 30 กิโลกรัม
เทปกระดาษคราฟท์ไม่สามารถเขียนทับ และพิมพ์ลงบนเทปได้ สามารถใช้งานได้ในอุณหภูมิต่ำถึง -20 องศาเซลเซียส และสามารถฉีกขาดได้ง่ายด้วยมือ
สติกเกอร์กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper Sticker) ผลิตจากกระดาษคราฟท์ และถูกเคลือบด้วยเนื้อกาวอะคริลิกอีกชั้น จึงไม่สามารถย่อยสลายได้ 100% แต่ทนความร้อนได้สูงถึง 90 องศาเซลเซียส เมื่อนำไปติดบนสินค้า หรือผลิตภัณฑ์จะสร้างความโดดเด่น
นอกจากนี้สติกเกอร์กระดาษคราฟท์ Thai KK ยังให้งานพิมพ์ที่สีสวยได้คุณภาพ ไม่มีไฟฟ้าสถิต ฟีดเร็วทำเวลาได้ กาวไม่ละลายติดเครื่อง เป็นสติกเกอร์ดิจิตอลแท้ 100% และรับประกันคุณภาพสินค้าถึง 1 ปี
ลดขยะช่วยโลกกับไอเทมกระดาษคราฟท์จากไทย เคเค สำหรับใครที่สนใจสั่งซื้อเทปไบโอ เทปกระดาษคราฟท์ หรือสติกเกอร์กระดาษคราฟท์ สามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ thaikk.co.th / Shopee / Lazada หรือ Line OA : https://cstu.io/6dd2a3 หรือ Inbox ผ่านเฟซบุ๊ก Thai KK Industry Co., Ltd. หรือโทรมาที่เบอร์ : 02-338-4900 ต่อ 4610 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 8:30-17:00 น. เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
หลาย ๆ คนอาจจะกำลังเจอกับปัญเทปปิดกล่องเด้ง หรือตัวเทปกาวไม่เหนียวมากพอ เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงลองเปลี่ยนหลายยี่ห้อแล้วแต่ก็ยังไม่หายสักที ซึ่งจริง ๆ แล้วอาจจะไม่ได้เป็นที่ย้อนั้น ๆ แต่เป็นเพราะค่าความเหนียวของกาวนั้นไม่สูงมากพอที่จะติดลงบนกล่องที่มีความหนามาก และมีน้ำเยอะ ซึ่งการเลือกซื้อเทปกาวปิดกล่องก็มีหลากหลายปัจจัย วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปเลือกซื้อเทปกาวปิดกล่องฉบับมือโปรกัน! นอกจากนี้เราจะขอแนะนำเทปกาวปิดกล่องแต่ละชนิดว่าไอเทมไหนขายดี นิยมใช้กันสุดๆ ตามไปดูกันเลย!
ถ้าหากพูดถึงเทปปิดกล่อง หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงเทป OPP สีใส, สีน้ำตาล เป็นอย่างแรก แต่จริง ๆ แล้วเทปปิดกล่องมีหลายแบบ เราตามไปดูกันเลยดีกว่า
ทุกคนคุ้นเคยกับเทป OPP กันอยู่แล้ว ซึ่งเทป OPP ผลิตจากฟิล์ม Oriented Polypropylene สำหรับเนื้อกาวก็จะมีหลากหลายชนิดอย่างที่กล่าวไปข้างต้น โดยเทป OPP มีหลายสีให้เลือกทั้งสีสุดเบสิกอย่างสีใส, สีน้ำตาล และสีสันสดใสอย่างสีแดง, สีเขียว, สีน้ำเงิน เป็นต้น นอกจากนี้เทป OPP ยังนิยมนำไปพิมพ์โลโก้แบรนด์ หรือเทปพิมพ์โลโก้นั่นเอง เทป OPP มีราคาค่อนข้างถูกที่สุด จึงทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
สั่งซื้อเทปกาวปิดกล่อง OPP : https://bit.ly/3okTBUO
เทปกระดาษคราฟท์ (Kraft Tape) ผลิตจากกระดาษคราฟท์ ที่มีลักษณะเป็นสีน้ำตาล โดยเนื้อกระดาษจะถูกเคลือบด้วยซิลิโคน (Silicone) จึงทำให้เทปกระดาษคราฟท์สามารถทนต่อความชื้นได้ดี โดยเทปกระดาษคราฟท์สามารถใช้ในอุณหภูมิติดลบได้ถึง -20 °C สามารถฉีกขาดได้ง่ายด้วยมือ รับน้ำหนักได้สูงภึง 30 กิโลกรัม แต่เทปกระดาษคราฟท์ชนิดนี้ไม่สามารถพิมพ์แบรนด์โลโก้ได้ เพราะถูกเคลือบด้วยซิลิโคน นอกจากนี้เทปกระดาษคราฟท์ยังส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์อีกด้วย
สั่งซื้อเทปกระดาษคราฟท์ : https://bit.ly/41gMETu
เทปไบโอ (Bio Tape) หรือเทปกระดาษคราฟท์รักษ์โลก มีลักษณะคล้ายกับเทปกระดาษคราฟท์ (Kraft Tape) โดยผลิตจากกระดาษคราฟท์ แต่ไม่ถูกเคลือบด้วยพลาสติกโพลีเอทิลีน (Non-Polyethylene) และใช้กาวยาง (Rubber Solvent) เพื่อสามารถย่อยสลายได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทปไบโอสามารถใช้ในอุณหภูมิติดลบได้ถึง -20 °C สามารถฉีกขาดได้ง่ายด้วยมือเช่นกัน สำหรับใครที่ต้องการพิมพ์โลโก้ลงบนเทปชนิดนี้ก็สามารถทำได้
สั่งซื้อเทปไบโอ : https://bit.ly/3A5SBH4
นอกจากไทย เคเค จะจัดหน่ายเทปกาวปิดกล่องแล้ว ยังรับผลิตเทปพิมพ์โลโก้อีกด้วย โดยขั้นต่ำการสั่งผลิตเทปพิมพ์ เพียง 3 ลัง เท่านั้น! ราคาเริ่มต้นที่ 6,299.- / 3 ลัง ราคานี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าบล็อก และค่าจัดส่งแล้ว ต้องรีบสั่งแล้ว!!! เทปกาวคุณภาพดี นึกถึง Thai KK ผู้นำด้านการผลิต และจัดจำหน่ายเทปกาว ที่อยู่คู่คนไทยมามากกว่า 40 ปี
สอบถามเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อเทปพิมพ์โลโก้ สามารถติดต่อมาได้ที่ Line OA : https://cstu.io/6dd2a3 หรือ Inbox ผ่านเฟซบุ๊ก Thai KK Industry Co., Ltd. หรือโทรมาที่เบอร์ : 02-338-4900 ต่อ 4610 เวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ 8:30-17:00 น
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า